The Bridge Curse (2020) คำสาปสะพานเฮี้ยน เดินขึ้น 13 ขั้น แล้วอย่าหันหลังมา!

              ภาพยนต์เรื่อง คำสาปสะพานเฮี้ยน หรือ The Bridge Curse (2020) ภาพยนต์ผีสัญชาติไต้หวัน ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในบ้านเกิด เพราะว่าภาพยนต์เรื่องนี้นั้นเข้าฉายหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศตัวเองคลี่คลาย แต่ว่าเข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะลงสตรีมมิ่ง Netflix อย่างรวดเร็วและติดอันดับหนังยอดนิยมช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

              ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนบ้านเรานั้นชื่นชอบภาพยนต์ในแนวชวนหัวลุกกันเป็นทุนเดิมกับภาพยนต์เรื่อง The Bridge Curse บอกเล่าเรื่องราวของตำนานความสยองขวัญประจำมหาวิทยาลัยในไต้หวันที่ว่าด้วยบันไดอาถรรพ์ที่ทอดยาวที่สู่เนินเขาในป่า ในทุกเวลาเที่ยงคืนเชื่อกันว่าจะมีบันไดขั้นที่ 14 เพิ่มขึ้นมาอย่างปริศนาและถ้าหากใครหันหลังกลับไปมองที่ตีนสะพาน ก็จะต้องมีอันเป็นไปอย่างปริศนา

The Bridge Curse (2020) คำสาปสะพานเฮี้ยน

              แน่นอนเลยว่าเริ่มราวจะต้องดำเนินด้วยการที่มีนักศึกษาแก่นเซี้ยวที่เกิดอยากจะลองดี ท้าทายความเชื่อด้วยการจัดกิจกรรม เพื่อที่จะทำการพิสูจน์อาถรรพ์ดังกล่าว ไม่ทันไรเรื่องชวนขวัญผวาก็เกิดขึ้นทันทีเมื่อเก้าอี้ที่พวกเขาวางไว้เฉยๆก็เกิดขยับได้ ก่อนที่บรรดานักศึกษากลุ่มนี้จะหนีเตลิดกระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง

              ว่ากันตามตรงตัวภาพยนต์เรื่อง The Bridge Curse เรียกได้ว่าเดินตามสูตรสำเร็จตามภาพยนต์วัยรุ่นหนีผีตามสไตล์ ตามแบบฉบับค่ายหนังไทยบ้านเราอย่างไฟว์สตาร์สร้างเป็นประจำ ส่วนคุณนายผีผมยาวที่ตามจองล้างจองผลาญเหล่านักศึกษาก็ดูหมกมุ่นกับการสิงและหลอกบรรดาผู้เคราะห์ร้ายในห้องส้วมเน่าๆอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหยื่อชายหนุ่มที่ถูกหลอกระหว่างนั่งเบ่งขี้! (เป็นการหลอกหลอนที่โหดร้ายเอาซะเหลือเกิน) น้องผู้หญิงผมสั้นที่บ้าถ่ายคลิปไม่เข้าเรื่องเข้าราวจนงานเข้า รู้ตัวอีกทีผีก็แทบจะกระชากหัวไปกิน!

              ถึงแม้ว่าเราเองจะเข้าใจดีว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะพยายามที่จะทำการเชื่อมโยงวิธีการหลอกหลอนเข้ากับสาเหตุการตายของผีร้ายที่ต้องเกี่ยวข้องกับน้ำเป็นหลัก ซึ่งวิธีการครีเอทแต่ละฉากสำหรับเราดูไม่ค่อยจะน่ากลัวแต่ออกไปในโทนตลกเอาซะมากกว่า แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจตรรกะในการเอาชีวิตรอดของตัวละครที่เวลาสถานการณ์คับขัน พวกเขาก็จะดูเป็นห่วงพะวงสาละวนอยู่กับโทรศัพท์มือถือมากกว่าจะวิ่งหนี หรือจริงๆหนังต้องการสะท้อนอุปนิสัยของวัยรุ่นในยุคปัจจุบันที่เสพย์ติดสมาร์ทโฟนก็มีความเป็นไปได้อีกเช่นกัน

คำสาปสะพานเฮี้ยน เดินขึ้น 13 ขั้น แล้วอย่าหันหลังมา!

              ท้ายที่สุดแล้วเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและตัวหนังเป็นการเฉลยปมปริศนาผ่านการสืบสวนคดีของนักข่าวสาว (ที่ดำเนินอยู่ในช่วงเวลาคู่ขนาน) สิ่งที่อยู่ภายในคำอธิบายก็ดูไม่เข้าท่าเข้าที และความพยายามที่จะทำการเชื่อมโยงเส้นเวลาในแต่ละปีเช่นปี 2012 2016 และ 2020 ก็ดูเลอะเทอะและไม่ช่วยให้เราเข้าใจความอาถรรพ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย หรือความเป็นจริงอาจจะเป็นเป้าประสงค์ของตัวผู้กำกับที่ตั้งใจอยากจะเฉลยปมเหล่านี้กับภาคต่อที่จะตามมาในอนาคตก็เป็นได้ ถ้าหากคุณสนใจหนังมาใหม่ หนังสนุกๆก็สามารถติดตามรีวิวและรับชมหนังใหม่ได้ที่…….และถ้าหากคุณสนใจบทความพนันอื่นๆก็สามารถคลิกเข้ามาได้ที่ ทักษะการเล่น โป๊กเกอร์